ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
บ่อยแค่ไหนแล้วที่ผู้ป่วยเบาหวานได้ยิน ได้ฟัง เรื่องนี้จากแพทย์ผู้ดูแล
นั่นเพราะอาการนี้มีที่มาจาก ความผิดปกติในการทำงานของหัวใจ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย และรับเลือดกลับเข้าหัวใจได้ตามปกติจนมีอาการให้เห็น ดังนี้
- เหนื่อย
- อ่อนเพลีย
- บวม
ทั้ง 3 อาการจะเกิดขึ้นเมื่อไร ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ และคำตอบอื่น ๆ ที่ดูแล้วทั้งขำ ทั้งอมยิ้ม แถมได้ความรู้อีกมากมายเกี่ยวกับภาวะหัวใจล้มเหลว อยู่ในรายการ "ชวนหมอเม้าส์" นี้แล้ว
พิธีกรคนสวย ผู้ที่จะมาชวนเมาท์ให้ครึกครื่นในเทปนี้ คือ คุณเอิ้ก
โดยมี อาจารย์ นพ. เพชร รอดอารีย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม
และ อาจารย์ นพ. เอกราช อริยชัยพาณิชย์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ เป็นผู้ให้คำตอบค่ะ
รายการ ชวนหมอเม้าส์ เรื่อง "ภาวะหัวใจล้มเหลว"
เนื้อหาจากรายการ ชวนหมอเม้าส์ เรื่อง "ภาวะหัวใจล้มเหลว"
- ครอบครัวไม่มีประวัติเป็นเบาหวานเลย เป็นคนผอม ๆ ชอบรสกินหวานหรือของหวาน : เวลา 0.37
- เสี่ยงเป็นเบาหวานได้หรือไม่ ? : เวลา 1.17
- โรคเบาหวานกับภาวะหัวใจล้มเหลว : เวลา 5.12
- ผู้ป่วยเบาหวานจะรู้ตัวเองได้อย่างไรคะว่าเสี่ยงที่จะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวแล้ว สั่งเกตอะไรได้บ้าง ? : เวลา 6.53
- อาการไหลตาย" ที่ชาวบ้านเรียก ๆ กันเนี่ย มีความเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจล้มเหลวหรือไม่ และเกี่ยวกันอย่างไร ? : เวลา 8.00
- คนที่รู้ว่าตัวว่าเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ ? : เวลา 8.55
- เกมส์ “True or False” จริงหรือหลอก ? : เวลา 11.11
ดูจบอย่าลืมลองมาเช็คอัปตัวเองหรือคนรักสักนิด เกี่ยวกับภาวะการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้นะคะ โดยลองสังเกตุ จากสิ่งเหล่านี้
- สังเกตอาการของตนเอง หากน้ำหนักเพิ่มรู้สึกผิวหนังตึง ข้อเท้าบวม รองเท้าหรือเสื้อผ้าคับ ไอบ่อยขึ้น รู้สึกเพลีย และทำกิจวัตรประจำวันได้ช้าลงอาจซึ่งนี่เป็นอาการเริ่มแรกของภาวะหัวใจล้มเหลว ควรรีบมาพบแพทย์
- ป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ เพราะโรคหัวใจบางอย่างสามารถป้องกันได้ เช่น โรคหัวใจรูห์มาติก
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- พักผ่อนให้เพียงพอ โดยการนอนพักในช่วงกลางวันอย่างสม่ำเสมอ ลดชั่วโมงการทำงานให้สั้นลง
- หลีกเลี่ยงการทำให้อารมณ์เสียหรือความเครียด
- จำกัดกิจกรรมต่างๆลง ไม่ทำงานที่ออกแรงมาก ๆ อย่างหักโหม
- จำกัดอาหารเค็ม จำกัดน้ำดื่ม และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- มาพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างสม่ำเสมอ
โรคเบาหวานเป็นประตูหน้าด่านที่คอยชักนำโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ให้เข้ามาสู่ร่างกาย เพราะฉะนั้นเราต้องคอยหมั่นดูแลระดับน้ำตาลให้อยู่ที่ระดับน้อยกว่า 126 มก./ดล. ซึ่งเป็นค่าของน้ำตาลในเลือดหลังจากอดอาหารมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หรือ ตรวจวัดโดยไม่ได้อดอาหารก่อน ระดับน้ำตาลควรให้อยู่น้อยกว่า 200 มก./ดล. จะเป็นการดีมาก ๆ
#เบาหวานไม่เบาใจ เรียนรู้และเข้าใจไปด้วยกันค่ะ
อ่านเนื้อหาดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด ต่อได้ที่